ฉลากเบอร์ 5 กับนวัตกรรมพลังงานที่ไม่หยุดนิ่งบนเครื่องใช้ไฟฟ้า
สติกเกอร์สีเหลืองบนเครื่องใช้ไฟฟ้าคือภาพจำที่คุ้นเคยมานานหลายสิบปี แต่หลายคนอาจไม่เคยตั้งคำถามว่าทำไมฉลากที่ดูเรียบง่ายนี้ถึงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ความจริงแล้ว ฉลากนี้ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องหมายการันตีการประหยัดไฟ แต่คือ "กระจกสะท้อน" นวัตกรรมพลังงาน ที่พัฒนาไปอย่างไม่หยุดยั้ง การเปลี่ยนแปลงนี้ยังเชื่อมโยงไปถึงทิศทางของ พลังงานทางเลือก และการแสวงหา นวัตกรรมด้านพลังงาน ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่ออนาคต
หากย้อนรอยจุดเริ่มต้น โครงการฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ริเริ่มโดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2537 วัตถุประสงค์หลักในยุคแรกคือการสร้างมาตรฐานที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย เพื่อเป็นเกณฑ์ให้ผู้บริโภคใช้ในการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ช่วยประหยัดพลังงานโดยรวมของประเทศ
เบอร์ 5 ติดดาว แตกต่างจากฉลากดั้งเดิมอย่างไร
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นเมื่อเทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว จนเครื่องใช้ไฟฟ้าส่วนใหญ่สามารถผ่านมาตรฐานเบอร์ 5 แบบดั้งเดิมได้ไม่ยาก กฟผ. จึงต้องยกระดับมาตรฐานขึ้นไปอีกขั้นสู่ระบบ "เบอร์ 5 ติดดาว" เพื่อสะท้อนประสิทธิภาพที่สูงขึ้น โดยความหมายของดาวที่เพิ่มขึ้นมานั้นชัดเจนมาก เบอร์ 5 แบบเดิมคือมาตรฐานขั้นต้น แต่ เบอร์ 5 ★ (1 ดาว) หมายถึงประหยัดไฟมากกว่าเดิม 10%, เบอร์ 5 ★★ (2 ดาว) ประหยัดกว่า 22% และ เบอร์ 5 ★★★ (3 ดาว) ประหยัดไฟได้เหนือกว่ามาตรฐานเดิมถึง 38% "ดาว" จึงกลายเป็นตัวชี้วัดนวัตกรรมที่จับต้องได้ และเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ผลิตต้องแข่งขันกันพัฒนาสินค้าให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หลายคนอาจสงสัยว่านวัตกรรมอะไรที่ซ่อนอยู่ "หลังดวงดาว" เหล่านั้น หากเจาะลึกในเครื่องปรับอากาศ จะพบการเปลี่ยนผ่านสำคัญจากคอมเพรสเซอร์แบบธรรมดา (Fixed Speed) สู่ระบบ Inverter ที่สามารถควบคุมการทำงานของมอเตอร์ได้อย่างละเอียดอ่อน ลดการกระชากไฟและคงอุณหภูมิได้คงที่ ส่งผลให้ประหยัดพลังงานได้มหาศาล เช่นเดียวกับในตู้เย็น ที่มีการพัฒนาระบบคอมเพรสเซอร์แบบ Inverter ควบคู่ไปกับการใช้สารทำความเย็นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาฉนวนกันความร้อนประสิทธิภาพสูง หรือแม้แต่หลอดไฟที่เปลี่ยนจากหลอดไส้สู่ยุคของ LED ทั้งหมดนี้ยืนยันว่า "ดาว" ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่มาจากผลลัพธ์ของการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีอย่างจริงจัง
ฉลากเบอร์ 5 จึงไม่ได้เป็นเพียงป้ายบอกตัวเลข แต่เปรียบเสมือนเส้นเวลาของนวัตกรรมพลังงานที่เรามองเห็นได้ชัดเจน การตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มี "ดาว" มากขึ้นในวันนี้ ไม่ได้หมายถึงเพียงการประหยัดเงินในกระเป๋าของผู้บริโภค แต่ยังเป็นการ "ลงทุน" และ "สนับสนุน" การพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยลดการใช้พลังงานโดยรวมของประเทศ และดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ดังนั้น การมองฉลากเบอร์ 5 ในครั้งต่อไป จึงควรมองด้วยมุมมองใหม่ในฐานะผู้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่ออนาคตด้านพลังงานของพวกเราทุกคน
สรุป
ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ได้รับการยกระดับจากมาตรฐานเดิมสู่ระบบ "ดาว" (1-3 ดาว) เพื่อสะท้อนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่ไม่หยุดนิ่ง โดยยิ่งดาวมาก (สูงสุด 3 ดาว ประหยัดกว่าเดิม 38%) ยิ่งหมายถึงประสิทธิภาพที่สูงขึ้น นวัตกรรมสำคัญที่อยู่เบื้องหลังคือระบบ Inverter ในเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น รวมถึงเทคโนโลยี LED การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เบอร์ 5 ติดดาว จึงไม่ใช่แค่การประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนบุคคล แต่คือการสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพื่อความยั่งยืนในอนาคต
บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC Global มีความมุ่งมั่นในการยกระดับธุรกิจพลังงานสะอาด พร้อมสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ติดตามเรื่องราวดี ๆ เกี่ยวกับนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม นวัตกรรมลดโลกร้อน และ พลังงานทางเลือก ได้ที่นี่
UAC Global For Sustainable Future 30 ปี แห่งความมุ่งมั่น เติมพลังให้โลก ส่งต่ออนาคตที่ยั่งยืน