โรงไฟฟ้าชุมชนเกิดแน่ NER-ACE-UACพร้อม

Press Release

ทันหุ้น-สู้โควิด- พลังงานการันตีโรงไฟฟ้าชุมชนเกิดแน่ ไม่มีการยกเลิกเหตุบรรจุในแผนราชการ 5 ปีแล้ว รองนายกฯ ชี้เกณฑ์รับซื้อไฟฟ้าเสร็จ ต.ค.นี้ ยังมั่นเปิดยื่นสิ้นปีได้ กระแสข่าวชี้ใครเตรียมพร้อมส่งผลดีกว่าเดิมเหตุควินวินเพิ่มเป็น 200 MW ด้าน NER-ACE-UAC ตัวเต็งคว้าโครงการ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดทำหลักเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชน ในเรื่องการประกาศหลักเกณฑ์การรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชุมชน คาดจะแล้วเสร็จและประกาศได้ในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งอาจจะล่าช้าไปบ้างจากเดือนกันยายน เนื่องจากขณะนี้มีงานหลายด้านทั้งพลังงานและเศรษฐกิจอื่นๆ ที่จำเป็นต้องเร่งแก้ไข แต่จะพยายามเปิดรับยื่นโครงการซื้อข่ายไฟฟ้าให้ทันภายในปีนี้ และจะนำร่องเปิดรับซื้อได้ 100-200เมกะวัตต์ก่อนเพื่อให้เห็นถึงผลลัพธ์ที่ชัดเจนว่าเกษตรกรจะได้รับประโยชน์อย่างแท้จริงก่อนจะขยายอีก

“ยืนยันยังสนับสนุนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเช่นเดิม แต่อาจจะล่าช้าไปจากแผนเดิมเล็กน้อย การประกาศเกณฑ์รับซื้อโรงไฟฟ้าชุมชนคงเป็น ต.ค.แทน แต่จะพยายามเปิดให้เอกชนมายื่นเสนอขายไฟได้ภายในสิ้นปีนี้” นายสุพัฒนพงษ์ กล่าว

สำหรับหลักเกณฑ์หลักของโรงไฟฟ้าชุมชนที่กำลังพิจารณา คือ จะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์กับเกษตรกร วิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมโครงการอย่างแท้จริง พืชพลังงานที่จะรับซื้อเข้าโครงการ ต้องให้ราคาที่สูงกว่า การจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป เนื่องจากค่าไฟฟ้าที่สนับสนุนรูปแบบ FiT เป็นต้นทุนที่สูง หากพบว่าเกษตรกรและชุมชนได้รับประโยชน์มากพอที่จะแลกกับค่าไฟที่สูงขึ้นเล็กน้อยก็สามารถเดินหน้าเปิดรับซื้อเพิ่มเติมจะเท่าใดก็ได้

ด้านนายสมภพ พัฒนอริยางกูล โฆษกกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานไม่มีนโยบายยกเลิกโครงการพลังงานชุมชนและโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนแต่อย่างใด ตามที่มีกระแสะข่าวออกมาก่อนหน้านี้ โดยเห็นได้จากตามแผนปฏิบัติราชการราย 5 ปี (พ.ศ. 2563 - พ.ศ.2565) ของกระทรวงพลังงานมีเรื่องการสร้างความยั่งยืนและเข้าถึงประชาชน ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนงานที่สำคัญ

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน กำหนดให้เดินหน้าโครงการนำร่อง โดยมีการทบทวนหลักเกณฑ์ของโครงการเพื่อให้ประโยชน์เกิดขึ้นกับเกษตรกรและชุมชนอย่างแท้จริงและมีความยั่งยืน ซึ่งมีแผนงานโครงการสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนด้านการส่งเสริมชุมชนที่ชัดเจน เช่น แผนงานโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง สถานีพลังงานชุมชน โครงการเสริมสมรรถนะโครงการเตาชีวมวล โครงการโซลาร์สูบน้ำ โครงการโซลาร์อบแห้ง และกรอบทิศทางของกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานจะเน้นโครงการพลังงานชุมชน เพื่อให้เกิดการจ้างงาน และสร้างอาชีพด้านการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนในชุมชน

แหล่งข่าววงการพลังงาน ระบุว่า การปรับเกณฑ์ใหม่ของโรงไฟฟ้าชุมชนนั้น จะส่งผลดีกับบริษัทที่มีชุมชนพร้อมอยู่แล้ว และเป็นบริษัทที่จะดำเนินการแบบควิกวินได้ทันที เนื่องจากเกณฑ์ใหม่มีปริมาณรับซื้อที่เพิ่มขึ้นเป็น 200 เมกะวัตต์ มากกว่าเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบริษัทที่มีความพร้อมและประกาศเดินหน้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนประกอบด้วย ACE , NER , UAC โดย NER มีโรงไฟฟ้าไบโอแก๊ส 2 โครงการที่บุรีรัมย์ กำลังการผลิตรวมราว 4.3 เมกะวัตต์ และแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 30 เมกะวัตต์ ขณะที่ UAC มีโรงไฟฟ้าไบโอแก๊สที่ขอนแก่น จำนวน 3 เมกะวัตต์ ด้าน ACE มีชุมชนที่พร้อมเข้าร่วมโครงการมากกว่า 100 ชุมชน และมีความสามารถในการด้านบริหารจัดการโรงไฟฟ้าไบโอแมส ตลอดจนโรงไฟฟ้า ไบโอแก๊ส

ที่มา: thunhoon